เสริมดวงด้านความรักและคู่ครอง ด้วยกันฉีดฟิลเลอร์ขมับ หรือ การเติมไขมันแบบนี้ได้ด้วยหรอ?
ตอบ: ได้สิ เพราะตามหลักโหงวเฮ้งกล่าวเอาไว้ว่า หากใครที่มีหน้าผากแคบ ขมับตอบ/บุ๋ม/ยุบ คนผู้นั้นจะอาภัพความรัก ต้องเหนื่อยทำงานหนักเพียงลำพัง แถมยังทำให้ใบหน้าดูเศร้าหมอง ไม่สดชื่น ไม่มีชีวิตชีวา อีกด้วย
ในทางตรงข้ามใครที่มีหน้าผากกว้างขมับอิ่มฟูจะมีเนื้อคู่อุปถัมภ์ดูแล แหม!! อยากจะฉีดขมับซะตอนนี้เลย
แต่ก่อนที่จะเรามาขึ้นชก คู่ชิง ระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ กับ การเติมไขมัน( Fat Tranfer) เรามาเรียนรู้สาเหตุหลักของการเกิดขมับตอบ/ยุบ กันก่อนดีกว่าค่ะ
- สาเหตุเกิดจากโครงสร้างกะโหลกศีรษะโหนกแก้มเด่นชัดทำให้ขมับมีลักษณะที่เว้าเข้าเป็นแอ่ง
- สาเหตุเกิดจากน้ำหนักตัวที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
- สาเหตุเกิดจากการจัดฟันหรือการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของขากรรไกรและการเคี้ยวอาหาร
- สาเหตุจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นทำให้คอลลาเจน , อีลาสติน, และไขมันมีการสลายตัวไปและทำให้เกิดการยุบตัวของขมับ
เทียบกับชัดๆ ระหว่าง การฉีดฟิลเลอร์ขมับ VS การเติมไขมัน( Fat Tranfer) ข้อดีข้อเสีย มีอะไรบ้าง??
ฟิลเลอร์ขมับ คือการฉีดสาร( Hyaluronic Acid ) ไฮยาลูรอนิค แอซิด ซึ่งเป็นสารที่ปลอดภัยสูงเพราะผลิตลอกเลียนแบบคงสร้างคอลลาเจนในร่างกายของคนเราเพื่อนำมาใช้ในการทดแทนโครงสร้างผิวที่พออายุมากขึ้น โครงสร้างผิวเหล่านั้นจะเกิดการยุบตัวลง
ข้อดี ของการฉีดฟิลเลอร์ขมับ
- ขั้นตอนการเตรียมตัวไม่วุ่นวายใช้ระยะเวลาไม่นาน
- มีความปลอดภัยไร้สารตกค้าง
- ได้รับมาตรฐานโลกมีการใช้งานมาแล้วอย่างยาวนานและแพร่หลายทั่วโลก ผ่านการรับรองจาก องค์การอนามัย ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ
- ไร้รอยแผลไม่ต้องพักฟื้นบวมน้อยมาก
- ให้ความเป็นธรรมชาติ99%
- มีความแม่นยำในเชิงปริมาณมากกว่าการฉีดไขมันฉีดจำนวนเท่าไหร่ก็ติดอยู่จำนวนเท่านั้น
- นอกจากจะเติมช่องว่างของโครงสร้างผิวแล้วฟิลเลอร์เป็นการอุ้มน้ำซึ่งช่วยให้คุณภาพของผิวดีขึ้นได้อีกด้วย
- สามารถฉีดได้บ่อยหรือทยอยฉีดได้ไม่จำเป็นต้องฉีดในปริมาณมากในครั้งเดียว
- ปราศจากความเสี่ยงในการดมยาสลบ
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ขมับ
- ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่ถาวรเฉลี่ย 1-2 ปีตามยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่แพทย์เลือกใช้
- ค่าใช้จ่ายสูงตามปริมาณที่ใช้ (ราคาคิดเป็น CC)
- ฟิลเลอร์นั้นมีของปลอมที่ผลิตออกมาขายในตลาดควรศึกษาให้มั่นใจว่าเป็นของแท้100%
การฉีดไขมันตัวเอง (fat transfer)
เป็นการปลูกถ่ายเซลล์ไขมันจากจุดหนึ่ง ย้ายมายังอีกจุดหนึ่ง (ที่ต้องการเติม) โดยอาจจะเลือกจุดที่มีไขมันดี อย่างเช่น หน้าท้องล่าง , ขาใน เป็นต้น โดยในขั้นตอนของการปลูกถ่ายย้ายเซลล์ จะผ่านขบวนการเก็บ และคัดกรองไขมัน เพื่อนำมาฉีด เซลล์ไขมันเหล่านี้ จะต้องจะเป็นเซลล์ไขมันที่ยังมีชีวิต ไม่สามารถ ผ่านขบวนการความร้อนได้ เนี่องจากจะทำให้เซลล์ตาย ในการปลูกถ่ายไขมันไปยังจุดที่ต้องการ (ขมับ) อาจมีเซลล์ไขมันที่ผสานเซลล์เข้ากับพื้นที่ใหม่ไม่สำเร็จ และเสื่อมสลาย การเป็นเซลล์ไขมันที่ตายแล้ว ในการฉีด แพทย์จึงจะพิจารณาให้ฉีดในปริมาณที่มากว่าปกติ เพื่อเผื่อในกรณีที่เซลล์ปลูกถ่ายไม่สำเร็จ
ข้อดีของการฉีดไขมันตัวเอง ( Fat Tranfer)
- ปราศจากอาการแพ้เนื่องจากเป็นเซลล์ไขมันของร่างกายตนเอง
- เหมาะสำหรับการฉีดไขมันในหลายพื้นที่เนื่องจากราคาไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณการฉีดทำให้ค่าใช้จ่ายถูกลงเมื่อเทียบกับการใช้ฟิลเลอร์จำนวนมาก
- หากเซลล์ที่ปลูกถ่ายติดแล้วจะอยู่ได้นานเท่ากับอายุของเซลล์นั้นๆ
- ช่วยให้ผิวหน้าอ่อนเยาว์ลงผิวเด้งขึ้น
- ให้ความเป็นธรรมชาติ 100%
ข้อเสียของการฉีดไขมันตัวเอง ( Fat Tranfer)
- มีขั้นตอนที่ค่อนข้างยุ่งยากวุ่นวายต้องมีการเตรียมตัวก่อนการเก็บไขมัน ( ดมยาสลบ)
- มีผลข้างเคียงจากการเก็บไขมันเขียวซ้ำบวมระบบมีรอยแผลที่เสี่ยงต่อการเป็นแผลเป็นหรือคีลอยด์
- มีระยะพักฟื้นจากการดมยาสลบหรือการเก็บไขมัน
- การฉีดไขมันตัวเองจะมีการฉีดมากกว่าปริมาณปกติจึงบวมมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์
- การประเมินปริมาณที่ควรฉีดเป็นไปได้ยาก ไม่แม่นยำ
- ในกรณีที่ลูกค้าตัวผอมไม่มีไขมันส่วนเกิน/มีไขมันส่วนเกินน้อยจะไม่เหมาะสมกับวิธีนี้
เป็นยังไงกันบ้างค่ะ เทียบกันหมัดต่อมัดแบบนี้แล้ว จะเห็นได้ชัดเจนว่า ถ้าในพื้นที่ขนาดเล็ก ที่ใช้จำนวนฟิลเลอร์ไม่ได้มาก หรีอพื้นที่ที่มีความละเอียดอ่อน ที่ต้องมีการปั้น การแต่งทรง เคสที่ผอม/มีไขมันน้อย รวมไปถึงลูกค้าที่ ไม่ต้องการความวุ่นวายในการเตรียมตัวก่อนทำ และดูแลหลังทำ เหมือนว่า การฉีดฟิลเลอร์ขมับจะเอาชนะแบบขาดลอยกันไปเลย แต่สำหรับใครที่มีแผนในการการฉีดไขมันทั่วใบหน้า/พื้นที่อื่นรวมด้วย หรือมีแผนที่กำลังจะจำกัดไขมันส่วนเกินอยู่แล้ว ก็แบบว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวกันไปเลย การฉีดไขมันตนเองน่าจะเหมาะมากกว่า แต่ก็ต้องอย่าลืมที่จะดูแลและปฏิบัติตัวก่อนและหลังทำอย่างเคร่งครัดด้วยนะคะ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเลือกใช้วิธีการใดในการเติมขมับ ก็ขอให้ ศึกษาข้อมูล สถานบริการ ความปลอดภัย และปลอดเชื้อ ศึกษาขอมูลการใช้ เครื่องมือ วัสดุของแท้ ( ได้รับการรับรองจาก FDA หรือ อย.ไทย ) และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก่อนการตัดสินใจกันด้วยนะคะ